การทดลองที่ 8
Clamp Characteristic in Power Measurement
วัตถุประสงค์
- เพื่อสังเกตการใช้ current probe กับ oscilloscope
- เพื่อสังเกตการใช้ไฟฟ้าและการสร้าง harmonic ของอุปกรณ์
อุปกรณ์ประกอบการทดลอง
1.) หลอดไฟนีออน 3 หลอด
2.) Oscilloscope OX 6062-M 1 ตัว
3.) kWh meter DD 28 1 ตัว
4.) Watt meter C.A 405 1 ตัว
5.) Clamp meter AC/DC MA CURRENT PROB 1 ตัว
6.) Clamp meter MN 13-EL CURRENT CLAMP 1 ตัว
7.) Clamp meter GENERAL ELECTRIC 1 ตัว
8.) Clamp meter AMPROBE 1 ตัว
9.) Power meter NANOVIP 1 ตัว
10.) Multifunction meter MC 740 1 ตัว
11.) Junction Box 1 ตัว
12.) แผงทดลองวงจรไฟฟ้า 1 ชุด

ทฤษฎี
ฮาร์มอนิก (Harmonic) - ส่วนประกอบในรูปสัญญาณคลื่นไซน์(Sine Wave) ของสัญญาณหรือปริมาณเป็นคาบใดๆ ซึ่งมีความถี่เป็นจำนวนเต็มเท่าของความถี่หลักมูล(Fundamental Frequency) ตัวอย่างเช่นส่วนประกอบที่มีความถี่เป็น 2 เท่าของความถี่หลักมูลจะเรียกว่า ฮาร์มอนิกที่ 2 (Second Harmonic)
ความเพี้ยนฮาร์มอนิก (Harmonic Distortion) - การเปลี่ยนแปลงของรูปคลื่นทางไฟฟ้า(Power
Waveform)ไปจากรูปสัญญาณคลื่นไซน์(Sine Wave) โดยเกิดจากการรวมกันของค่าความถี่หลักมูล
(Fundamental) และฮาร์มอนิกอื่นๆเข้าด้วยกัน
ค่าความเพี้ยนฮาร์มอนิกรวม (Total Harmonic Distortion ,THD ) - คืออัตราส่วนระหว่างค่ารากที่สองของผลบวกกำ ลังสอง (Root-Sum-Square) ของค่า RMS ของส่วนประกอบฮาร์มอนิก(Harmonic
Component) กับค่า RMS ของส่วนประกอบความถี่หลักมูล(Fundamental Component) เทียบเป็นร้อยละ
ดังแสดงในสมการ (1) และ (2)
การทดลอง
ต่อเครื่องมือวัดเข้ากับอุปกรณ์ไฟฟ้าแต่ละอย่างดังรูป
ทดลองเปิดไฟทีละชนิด สังเกตผลที่ปรากฏบนเครื่องมือวัด บันทึกผลและเปรียบเทียบผลที่ได้
1. เปิดหลอดไส้ จะได้ผลดังนี้
วัดด้วยเครื่อง mutifuction meter ; P( active power ) = 99.71 W , Q( reactive power ) = 5.81 Var ,
S(apparent power ) = 99.88 VA
วัดด้วยเครื่อง nanovip power meter ; V = 223 volt , I = 2.24 A , p = 498 W , PF = 1.00
วัดด้วย Junction Box ; Vrms = 225.8 V , V(THD) = 1.6 % , V (CF) = 1.38
Irms = 2.2 A , I(THD) = 1.7 % , I (CF) = 1.39
กราฟที่ได้

2. เปิดหลอดตะเกียบ จะได้ผลดังนี้
วัดด้วยเครื่อง mutifuction meter ; P( active power ) = 19.604 W , Q( reactive power ) = 24.392 Var ,
S(apparent power ) = 31.290 VA
วัดด้วยเครื่อง nanovip power meter ; V = 227 volt , I = 716 mA , p = 95.1 W , PF = 0.602
วัดด้วย Junction Box ; Vrms = 228 V , V(THD) = 1.6 % , V (CF) = 1.38
Irms = 0.7 A , I(THD) = 117.4 % , I (CF) = 3.05
กราฟที่ได้
3. เปิดหลอดฟลูออเรสเซนต์ (หลอดเล็ก) จะได้ผลดังนี้
วัดด้วยเครื่อง mutifuction meter ; P( active power ) = 30.59 W , Q( reactive power ) = 43.73 Var ,
S(apparent power ) = 53.37 VA
วัดด้วยเครื่อง nanovip power meter ; V = 227 volt , I = 1.35 A , p = 172 W , PF = -0.56
วัดด้วย Junction Box ; Vrms = 228.1 V , V(THD) = 1.6 % , V (CF) = 1.38
Irms = 1.2 A , I(THD) = 123.9 % , I (CF) = 3.44
กราฟที่ได้


4. เปิดหลอดฟลูออเรสเซนต์ (หลอดใหญ่) จะได้ผลดังนี้
วัดด้วยเครื่อง mutifuction meter ; P( active power ) = 31.71 W , Q( reactive power ) = 46.38 Var ,
S(apparent power ) = 56.19 VA
วัดด้วยเครื่อง nanovip power meter ; V = 225 volt , I = 1.31 A , p = 172 W , PF = -0.58
วัดด้วย Junction Box ; Vrms = 225.8 V , V(THD) = 1.6 % , V (CF) = 1.38
Irms = 2.2 A , I(THD) = 1.7 % , I (CF) = 1.39

กราฟที่ได้
5. เปิดหลอดฟลูออเรสเซนต์ (บัลลาสต์อิเล็กโทรนิกส์) จะได้ผลดังนี้
วัดด้วยเครื่อง mutifuction meter ; P( active power ) = 26.8 W , Q( reactive power ) = 82.87 Var ,
S(apparent power ) = 87.10 VA
วัดด้วยเครื่อง nanovip power meter ; V = 223 volt , I = 1.85 A , p = 133 W , PF = 0.32
วัดด้วย Junction Box ; Vrms = 222.1 V , V(THD) = 1.8 % , V (CF) = 1.38
Irms = 1.8 A , I(THD) = 5.6 % , I (CF) = 1.50
กราฟที่ได้
สรุปผลการทดลอง
1. ฮาร์มอนิกเกิดจากโหลดที่มีคุณสมบัติไม่เป็นเชิงเส้น คือโหลดที่ได้รับแรงดันไฟฟ้าในรูปคลื่นไซน์ แต่มีการดึงกระแสที่มีรูปคลื่นเพี้ยนไปจากรูปคลื่นไซน์ เมื่อวิเคราะห์โดยใช้ Fourier Series จะสามารถแยกรูปคลื่นกระแสที่ผิดเพี้ยนไปออกไปเป็นส่วนประกอบความถี่หลักมูล และฮาร์มอนิกต่างๆ จากการทดลองพบว่า หลอดไส้ มี % THD ต่ำกว่าหลอดชนิดอื่น แสดงว่าคลื่นมีความใกล้เคียงคลื่น sine มาก
จากการทดลองพบว่า หลอด T5 มีค่า PF ใกล้ 1 มากๆ และ %THD ต่ำพอๆกับหลอดไส้ แต่ให้แสงสว่างมากกว่าหลอดไส้ เป็นเพราะว่าหลอด T5 ได้รับการปรับปรุงคุณภาพมาแล้ว
2. โดยปกติเราจะไม่สามารถต่อออสซิลโลสโคปวัดกระแสได้โดยตรง เรา ต้องต่อตัวต้านทานที่มีค่าน้อยมากๆ เพื่อวัดแรงดันแล้วคำนวณหากระแส แต่ถ้ามี Current Probe เราจะสามารถวัดกระแสด้วยออสซิลโลสโคปได้เลย เพราะ Current Probe จะเปลี่ยนกระแสที่ตัว Probe เป็นรูปของแรงดันแสดงผลออกมาทางออสซิลโลสโคป